นักโบราณคดีพบ ‘สุสานช้าง’ โบราณที่อายุ 5.5 ล้านปีในตอนเหนือของรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีซากดึกดำบรรพ์ของ ‘Gomphortheres’ สัตว์ที่เป็นญาติของช้างปัจจุบันหลายตัวตายอยู่ในเวลาที่ต่างกันหลายร้อยปี
การขุดค้นล่าสุดตอนนี้ ทีมวิจัยพบว่าในสุสานมีตัวเต็มวัยอย่างน้อย 1 ตัวและตัวที่ยังเด็ก 7 ตัว นักวิทยาศาสตร์ประเมินกระดูกและระบุว่าตัวเต็มวัยสูงประมาณ 2.4 เมตร ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังพบกะโหลกที่มีงาอยู่ โดยรวมความยาวแล้วยาวกว่า 2.7 เมตร ซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับช้างแอฟริกาในปัจจุบัน
“มันน่าตื่นเต้นมากเพราะสิ่งนี้ทำให้เรามีโอกสที่ไม่เพียงเห็นว่า Gomphortheres ตัวโตเต็มวัยจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ยังมีโครงกระดูแต่ละชิ้นที่ถูกบันทึกไว้อย่างระมัดระวัง” Jonathan Bloch ภัณฑารักษ์ของบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังกล่าว
เขาเสริมว่า มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อกำลังพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคของสัตว์เหล่านี้ รวมถึงชีววิทยาและวิวัฒนาการด้วย พวกเขาคาดว่าที่แห่งนี้น่าจะเคยเป็นแม่น้ำมาก่อน สัตว์เหล่าอาจอาศัยอยู่แถวนี้ พวกมันตายในเวลาที่ต่างกันบางทีอาจห่างหลายร้อยปี แต่น่าแปลกใจที่พวกมันมาลงเอยในจุดเดียวกัน
Dean Warner ครูสอนวิชาเคมีที่เกษียณแล้วและเป็นอาสาสมัครช่วยขุดค้นเมื่อปี 2022 เล่าว่าเขาเป็นคนพบเศษกระดูกที่เป็นนิ้วเท้าและข้อเท้าคนแรก จากนั้นเขาและทีมเริ่มขุดต่อไปให้มากขึ้น จึงค่อย ๆ พบกระดูกชิ้นใหญ่มากขึ้นเช่นท่อนขา ท้ายที่สุด ก็พบว่ามันเป็น สุสานช้างโบราณ
Gomphortheres เกิดขึ้นครั้งแรกในแอฟริกาเมื่อประมาณ 20 ล้านปีก่อน จากนั้นก็กระจายไปทั่วยุโปรและเอเชีย พร้อมกับข้ามไปยังอเมริกาเหนือ ช่วงเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ ทำให้พวกมันพัฒนาคุณลักษณะต่าง ๆ ทำให้กลายเป็นกลุ่มช้างโบราณที่มีความหลากหลายมากที่สุด
แต่ด้วยการเปลี่ยนของสภาพอากาศ และการแข่งขันด้านทรัพยกร รวมถึงคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นซึ่งก็คือ แมมมอธและช้างสมัยใหม่ ท้ายที่สุด Gomphortheres ก็สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 1.6 ล้านปีก่อน การค้นพบครั้งใหม่นี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจสิ่งมีชีวิตที่คนรู้จักน้อยตัวนี้ว่าพวกมันเป็นอย่างไรในอดีต รวมถึงสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่
“เราทุกคนรู้ว่ามาสโตดอนและแมมมอธขนยาวมีลักษณะอย่างไร แต่ Gomphortheres นั้นแทบจะจัดหมวดหมู่ไม่ได้เลย” Rachel Narducci ผู้จัดการคอลเลกชันของบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังที่พิพิธภัณฑ์ฟลอริดากล่าว
“เรามีอะไรมากมายที่สามารถเรียนรู้ได้จากสิ่งเหล่านี้ และเราตื่นเต้นที่จะได้ทำมันในอนาคต”
